LeicesterThaiFC

ฟาน นิสเตลรอย : ผมแทบจะรอไม่ไหวที่จะได้เริ่มงานที่นี่

รุด ฟาน นิสเตลรอย พร้อมที่จะรับผิดชอบหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ในการเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของเลสเตอร์ ซิตี้ โดยเขาต้องการสร้างสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น กับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสโมสรซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายในช่วงแรกของเขา 

อดีตกองหน้าระดับตำนานของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เรอัล มาดริด และทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ตกลงที่จะร่วมงานกับเลสเตอร์ ซิตี้ หลังจากรับหน้าที่คุมทีมชั่วคราวในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ฟาน นิสเตลรอย ยังเคยพาทีม พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ทีมยักษ์ใหญ่ของเนเธอร์แลนด์ คว้าแชมป์มาแล้วสองรายการ ในช่วงฤดูกาล 2022/23

รุด ฟาน นิสเตลรอย ได้รับความไว้วางใจจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ในการพาทีมสู้ศึกพรีเมียร์ลีก โดยทัพ “จิ้งจอกสยาม” เป็นหนึ่งในไม่กี่สโมสรในประเทศอังกฤษ ที่สามารถคว้าแชมป์ได้ทุกรายการสำคัญในฟุตบอลอังกฤษ จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับผู้จัดการทีมวัย 48 ปี คนนี้ และแน่นอนว่าตอนนี้ความสนใจของแฟนบอล จะจับจ้องอยู่กับสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ของทีม และ ฟาน นิสเตลรอย ได้พิจารณามาเป็นอย่างดีก่อนจะตัดสินใจรับบทบาทนี้

“ผมภูมิใจ ผมตื่นเต้นมาก ๆ” เขาให้สัมภาษณ์จากบ้านของเขาในเมือง ไอนด์โฮเฟ่น เมื่อสัปดาห์นี้ “ทุกคนที่ผมคุยด้วยเกี่ยวกับสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ล้วนมีความกระตือรือร้น มีเรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับคุณภาพของบุคลากรที่ทำงานในสโมสร บรรดาแฟนบอลก็ด้วย และแน่นอน ประวัติศาสตร์ของสโมสรในช่วงที่ผ่านมาก็น่าประทับใจมาก ผมตื่นเต้นมากที่จะได้เริ่มต้นและได้รู้จักกับทุกคน ผมจะทุ่มเททุกอย่างที่ทำได้เพื่อสโมสรฟุตบอลแห่งนี้”

“ผมได้ยินเรื่องนี้บ่อยมาก ผมแทบรอไม่ไหวที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของสโมสรในตำแหน่งผู้จัดการทีม ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ ผมถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากกับการได้รู้จักทุกคน ชุมชน และแฟนบอล ผมจินตนาการได้ว่ามันมีความหมายต่อพวกเขาแค่ไหน ผมอยากสัมผัสมัน ผมอยากเริ่มต้น และรู้จักทุกคน และใช้เวลาในการสร้างความสัมพันธ์กับหน่วยงานต่าง ๆ และชุมชนโดยรอบสโมสร นั่นจะทำให้เรามีโครงสร้างที่แข็งแกร่งจริงๆ ในการก้าวไปข้างหน้าและสร้างผลลัพธ์ที่ดีด้วย”

“แน่นอนว่าเมื่อคุณอยู่ในวงการฟุตบอลมาเป็นเวลานาน คุณจะรู้จักผู้คนมากมาย นั่นเป็นเหตุผลที่ผมพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับสโมสร ผู้คน และแฟนบอลผู้สนับสนุนของสโมสร นั่นเป็นเรื่องดีเสมอ สโมสรแห่งนี้มีความมั่นคง คุณสามารถมองเห็นได้จากโครงสร้างผู้นำว่าทุกอย่างถูกวางไว้อย่างดี มีระเบียบ และมีแนวคิด นอกจากนี้ ทีมยังเต็มไปด้วยนักเตะดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์และนักเตะที่มีประสบการณ์ เป็นส่วนผสมที่ลงตัว ผมแทบรอไม่ไหวที่จะลงสนามและเริ่มต้นกับพวกเขา”

ฟาน นิสเตลรอย เคยพาทีมคว้าชัยชนะเหนือ เลสเตอร์ ถึงสองครั้งในช่วงสี่เกมที่เขาคุมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในฤดูใบไม้ร่วงนี้โดยไม่แพ้ใครเลย นั่นทำให้เขาได้ประเมินทีมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมให้กับ “ปีศาจแดง” และเขาได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าจับตามองจากเลสเตอร์ ซึ่งเขาเชื่อว่าจะสามารถ “เชื่อมต่อ” กับวัฒนธรรมของสโมสรได้อย่างง่ายดายจากผลการประเมินดังกล่าว

“ผมคิดว่าทีมมีตัวเลือกของนักเตะที่ดีมาก” อดีตกองหน้าที่เกิดในเมืองออสส์ กล่าวเสริม “มีผู้เล่นสองคนในแต่ละตำแหน่งที่มีคุณภาพที่ดี มีนักเตะดาวรุ่งที่กำลังมาแรงพร้อมกับผู้เล่นที่มีประสบการณ์สูง และแน่นอนว่ากัปตันทีมอย่าง เจมี่ วาร์ดี้ ที่มีประสบการณ์มากที่สุดและมีบุคลิกที่โดดเด่น เขาเป็นที่เชิดหน้าชูตาของสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ ในฐานะอดีตกองหน้า ผมแทบรอไม่ไหวที่จะร่วมงานกับเขาเช่นกัน”

“การเตรียมตัวในสองเกมที่ต้องเจอกับ เลสเตอร์ นั้นทำให้ผมได้ศึกษาคู่แข่งและคุณภาพของพวกเขา รวมถึงจุดที่คุณสามารถทำร้ายพวกเขาได้ แน่นอนว่านั่นทำให้เห็นภาพรวมของทีมและผู้เล่นในทีม รวมถึงพฤติกรรมของผู้เล่น หลังจากนั้น เมื่อผมได้รับความสนใจให้เข้ามาคุมทีม ผมเริ่มมองลึกลงไปในเกมและมองหาจุดที่ต้องปรับปรุง เพื่อรักษาฟอร์มการเล่นให้คงที่ เพื่อให้เราเก็บแต้มได้มากขึ้น นั่นคือสิ่งที่ผมทำ และผมเชื่อมั่นในทีมว่าเราจะจัดการเรื่องนั้นได้”

“แนวทางการเล่น และโครงสร้างของทีมที่ผมเห็น ทั้งตอนที่มีบอลและไม่มีบอลเป็นสิ่งที่ผมใช้บ่อยมากตอนเป็นผู้จัดการทีม พีเอสวี และที่ ยูไนเต็ด แน่นอนว่าไม่ใช่ทั้งหมด อย่างวิธีที่เลสเตอร์ ซิตี้ เล่นภายใต้ การคุมทีมของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า จนสามารถคว้าแชมป์แชมเปี้ยนชิพเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และก้าวขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก ผมยังเห็นว่าแนวทางนั้นยังคงดำเนินต่อไปในโครงสร้างเหล่านั้น รวมถึงแนวคิดในการเล่นด้วย”

“ผมสามารถเล่นได้แบบนั้น ผมเข้าใจโครงสร้างและวิธีการเล่นแบบนั้น การเล่นจากแนวหลังเมื่อเราทำได้ ขึ้นหน้าในการโจมตีและเล่นไปข้างหน้าและสร้างโอกาส นั่นคือเป้าหมายหลักเมื่อฝ่ายตรงข้ามยอมให้คุณทำ แน่นอนว่าคุณต้องดูว่าโครงสร้างในเกมรับเป็นอย่างไร ผมสามารถเล่นแบบนั้นและนำแนวคิดใหม่ ๆ มาใช้ แต่กรอบการทำงานเดิมที่ดีอยู่แล้วก็มี และจากนั้นก็เป็นเรื่องการพัฒนาตัวเอง ไปที่สนามฝึกซ้อมและปรับปรุงและเปลี่ยนมันให้เป็นการเก็บแต้มให้มากขึ้น”

“บางครั้งการเจอกับคู่ต่อสู้ที่เก่งกว่าก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่คุณต้องหาทางเอาชนะให้ได้ในทุกเกม บางครั้งคุณต้องเล่นเกมรับให้มากขึ้นและเล่นเกมสวนกลับ แน่นอนว่าเมื่อคุณได้บอล คุณก็ต้องเน้นเกมบุก และในเกมอื่น ๆ คุณก็ต้องพยายามครองเกมและเล่นในเกมของเรา เราจะเล่นเกมทุกเกมด้วยแนวคิดเดียว นั่นคือการเอาชนะ”

เอ็นโซ่ มาเรสก้า อดีตผู้จัดการทีม ซึ่งปัจจุบันคุมทีมเชลซี เป็นบุคคลที่ ฟาน นิสเตลรอย ปรึกษาหารือระหว่างการตัดสินใจในการเข้าคุมทีม โดยผู้จัดการทีมชาวอิตาลี ช่วยสนับสนุนอย่างเต็มเปี่ยมจึงช่วยให้เขาตัดสินใจได้สำเร็จ

เขาอธิบายว่า “ผมต้องบอกเลยว่า ตอนที่สโมสรให้ความสนใจผม คนแรกที่ผมโทรหาคือ เอ็นโซ่ เขาเป็นคนมองโลกในแง่ดีมาก เขารักช่วงเวลาที่เขาอยู่กับสโมสรมาก เมื่อคุณได้ยินแบบนี้ แสดงว่าสโมสรเป็นสโมสรที่คุณอยากเป็นส่วนหนึ่งด้วย ในช่วงที่สโมสรให้ความสนใจมากขึ้น ผมก็โทรหาเขาและถามเขาอย่างละเอียดเกี่ยวกับสโมสร โครงสร้าง ผู้คนที่ทำงานที่นั่น ทีม สนามแข่งขัน แฟนบอล เมือง สภาพแวดล้อม มันเป็นการสนทนาที่ยอดเยี่ยมมาก การได้คุยกับเขาเป็นความสุขเสมอ”

ขณะที่ เบน ดอว์สัน โค้ชทีมชุดใหญ่จะคุมทีมเยือนเบรนท์ฟอร์ดในวันเสาร์นี้ ฟาน นิสเตลรอย จะนั่งคุมทีมจากเก้าอี้ผู้จัดการเป็นครั้งแรกในเกมเหย้าสองนัดในสัปดาห์หน้าโดยเกมแรก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด จะไปเยือน อีสต์ มิดแลนด์ส คืนวันอังคาร ก่อนจะลงสนามพบกับ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ในวันอาทิตย์ การเตรียมพร้อมรับความท้าทายครั้งใหม่ เพื่อดึงแฟนบอลกลับมาสนับสนุนทีมอีกครั้งถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในความคิดของเขา

“ผมตั้งตารอที่จะได้เจอกับการแข่งขันนั้น” ผู้จัดการทีมคนใหม่ของเลสเตอร์กล่าว “การเตรียมตัวสำหรับเกมกับเวสต์แฮม นั้นจะสั้นมาก แต่เราจะได้รู้จักกัน และโฟกัสกับเกมกับเวสต์แฮม ที่บ้านมากขึ้น มันเป็นจุดเริ่มต้นใหม่และเป็นสิ่งที่น่าตั้งตารอ เมื่อผมได้มาที่สนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม แล้ว เราก็จะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่นั่น คุณเริ่มต้นด้วยการเล่นด้วยผู้เล่น 11 คน จากนั้นก็เปลี่ยนเป็น 12 คน คุณจะได้โอกาสพิเศษ และนั่นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสโมสรฟุตบอลในช่วงเวลานี้”