ยานนิค เวสเตอร์การ์ด อดีตแข้งจากเซาธ์แฮมป์ตัน ดีกรีกองหลังทีมชาติ เดนมาร์ก ผู้มาเสริมทัพให้ “จิ้งจอกสยาม” ในฤดูกาล 2021/22 เซ็นเตอร์แบ็ก ร่างยักษ์ ที่พกพาความสูง 198 เซนติเมตร ผู้นี้เติบโตที่ประเทศเดนมาร์ก ที่ซึ่งเขาได้ใช้เวลาในช่วงวัยเด็กไปกับการเล่นฟุตบอลให้กับสโมสรหลายแห่ง รวมถึง สโมสร บรอนด์บี้ ไม่นานนักหลังจากที่สโมสรประสบความสำเร็จ ได้ครองถ้วยแชมป์ ในลีกการแข่งขันกว่า 10 รางวัลด้วยระยะเวลาเพียงไม่ถึงสองทศวรรษเท่านั้น เมื่อได้สั่งสมประสบการณ์ที่บ้านเกิดมาพอสมควร เขาก็ย้ายไปค้าแข้งที่เยอรมัน ที่ซึ่ง เวสเตอร์การ์ด ประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งผลงานที่ทำให้กับสโมสรที่สังกัด และในนามตัวแทนทีมชาติอีกด้วย
ตอนที่เขาอยู่กับ สโมสรฟุตบอล ฮอฟเฟ่นไฮม์ เขาได้เล่นในนามของทีมชาติเยอรมัน ในชุดเยาวชน ในช่วงฤดูกาล 2010/11 และยังได้เล่นให้กับทีมเยาวชนยู-18 และ ยู-19 ให้ทีมชาติเดนมาร์ก ด้วยลีลาการเล่นที่น่าประทับใจจน มาร์โก้ เพสไซอียูลี ให้เขาลงประเดิมสนามโดยลงสำรองให้กับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ในศึก บุนเดสลีกา จนช่วยทีมเอาชนะ ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต ในวันที่ 16 เมษายน 2011
เขามีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมให้กับ “1899” จนสร้างชื่อเสียงให้กับกองหลังผู้นี้อย่างมาก เขาได้ลงเล่นทั้งหมด 41 ครั้ง ตลอดฤดูกาล 2011/12 และ 2012/13 รวมถึงการเป็น ผู้เล่นในระดับนานาชาติ ในรุ่น ยู 20 และ 21 หลังจากนั้น ใน บุนเดสลีกา เขาทำประตูแรกในฐานะผู้เล่นชุดใหญ่ ในเกมที่เจอกับ ทีม ไกเซอร์สเลาเทิร์น เขายังโชว์ฟอร์มเหนือ ด้วยการทำประตูได้อีก ในช่วงท้ายของฤดูกาล หลังจากที่ยิงลูกเอาชนะ ทีม เอาก์สบวร์ก ได้ในฤดูกาล 2013/14 ซึ่งสถิติลงเล่นในฐานะผู้เล่นชุดใหญ่ทั้งหมด 25 ครั้ง แต่สิ่งทำให้เขาเป็นที่รู้จักกัน ในฐานะคลื่นลูกใหม่จากแดน “โคนม” คือในการแข่งขันระดับนานาชาติ ที่เขาลงเล่นเป็นตัวแทนทีมชาติเดนมาร์ก ในการแข่งขันพบ ทีมชาติโปแลนด์ ซึ่งเขาได้โชว์ผลงานอีกมากมายต่อมา ในปี 2014
อีกเกมที่น่าประทับใจคือ ตอนที่เขามาช่วยให้ทีมตีตื้นขึ้น ในนัดที่เจอกับ สโมสร ไฟร์บวร์ก ด้วยการยิงประตูให้ทีมได้ หนึ่งลูก จากสามแต้ม ซึ่งนั่นเป็นหนึ่งในการลงเล่น 26 ครั้งให้กับสโมสร และในฐานะทีมชาติของเขา ต่อด้วยการแข่งขัน ยู- 21 ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพส์ ปี 2015 ที่เจอกับ ตัวแทนจากสาธารณรัฐเช็ก ที่เมืองปราก เขาสิ้นสุดการเล่นให้กับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ในช่วงหน้าร้อนปี 2015 แต่ยังคงค้าแข้งใน บุนเดสลีกา โดยย้ายไปอยู่กับสโมสร แวร์เดอร์ เบรแมน เขายังทำผลงานในระดับทีมชาติอย่างต่อเนื่อง เขาสามารถยิงได้ 4 ประตู จากการลงเล่นทั้งหมด 39 ครั้งในการแข่งขันระดับทีมชาติทั้งหมด รวมถึงในศึกฟุตบอลยูโรในปีนั้น โดยการเอาชนะทีมเพื่อนบ้านอย่าง สวีเดน ไปได้ ซึ่งหนึ่งในผู้เล่นก็มี นายทวารจาก เลสเตอร์ ซิตี้ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล อยู่ในสนามด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เขาหมดสัญญากับทีม เบรเมน ในช่วง ฤดูกาลต่อมา และย้ายไปอยู่กับทีม โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้ร่วมลงแข่งขันใน ฟุตบอลลีกระดับยุโรปเป็นครั้งแรก
เขาร่วมลงแข่งใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในนามของทีม มึนเช่นกลัดบัค โดยที่ในการแข่งขันทัวร์นาเม้นท์นี้ อยู่ในกลุ่ม 1 ใน 4 ทีม ที่ต้องพบกับ ทีมอย่าง บาร์เซโลน่า, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, และ เซลติก ซึ่งผลสรุปการแข่งขันในรอบนี้ทีมอยู่ในลำดับที่สามของกลุ่ม ทำให้ได้ผ่านเข้ารอบไป ในปลายฤดูกาล 2016/17 เขาได้แสดงฝีเท้าให้กับทีมต้นสังกัด และ ในฐานะนักเตะทีมชาติ อีก 49 ครั้ง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความอึดและความมุมานะในการเล่นของเขาได้เป็นอย่างดี ฤดูกาลสุดท้ายกับฟุตบอลในลีกเยอรมันของเขา หลังจากที่วนเวียนอยู่ในลีกนี้ มากว่า 8 ปี และเล่นให้กับ 3 สโมสร เราได้เห็นผลงานการยิงประตูได้ใน สามทัวร์นาเม้นท์ ตลอด 34 แมตช์ จุดหมายต่อไปของเขาคือ พรีเมียร์ลีก ในฐานะผู้เล่นของทีม เซาธ์แธมป์ตัน ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 2018 ภายใต้การคุมทีมของ เมาริซิโอ เปเยกริโน่, มาร์ค ฮิวส์, และ ราล์ฟ ฮาเซนฮุทเทิล ทำให้ เวสเตอร์การ์ด ได้สั่งสมประสบการณ์และชื่อเสียงมาก ในฐานะกองหลังที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์คนหนึ่ง
ในฤดูกาลแรกกับ พรีเมียร์ ลีก เขาได้มีส่วนช่วยให้ทีม จบอันดับ 11 ในตาราง และทำประตูนัดแรกในลีกได้ ในเกมที่ “นักบุญ” พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในฤดูกาลสุดท้ายกับเซาธ์แฮมป์ตันของเขา จบลงที่อันดับ 15 ในตาราง พรีเมียร์ ลีก และได้เข้ารอบ 4 ทีมสุดท้าย ในเอมิเรตส์ เอฟเอ คัพ ซึ่งพ่ายต่อทีมแชมป์ เมื่อฤดูกาลที่แล้วอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ไป เวสเตอร์การ์ด เป็นหนึ่งในกองหลังชุดแชมป์ แชมเปี้ยนชิพ ของเลสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทัพ ของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ด้วย