วาร์ดี้ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลแรกกับทีมชุดใหญ่ จนตกเป็นเป้าหมายของสโมสรในลีกมากมาย และในปี 2009 เจ้าตัวมีโอกาสทดสอบฝีเท้ากับ ครูว์ อเล็กซานดร้า อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้รับการเซ็นสัญญา แถมยังปฏิเสธการเซ็นสัญญาระยะสั้นกับ ร็อตเตอร์แฮม จนกระทั่งเดือนมิถุนายนปี 2010 นีล แอสปิน ผู้จัดการทีม ฮาลิแฟกซ์ ทาวน์ ซึ่งชื่นชมฝีเท้า วาร์ดี้ มาเป็นเวลานาน จัดการเซ็นสัญญากองหน้ารายนี้ไปร่วมทีมด้วยค่าตัวเพียง 15,000 ปอนด์เท่านั้น
ซึ่งหัวหอกรายนี้ก็ทำผลงานในฤดูกาลแรกกับทีมใหม่ได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยการเป็นดาวซัลโวของทีมจากการกระหน่ำไปทั้งสิ้นถึง 26 ประตู เป็นผลให้ได้รับคะแนนโหวตจากเพื่อนร่วมลีกให้เป็นนักเตะ Player’s Player Of the Season มากกว่านั้น ผลงานของ วาร์ดี้ ยังช่วยให้ต้นสังกัดเลื่อนชั้นสู่ นอร์เทิร์น พรีเมียร์ลีก พรีเมียร์ ดิวิชั่น อีกด้วย
วาร์ดี้ ก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง หลังจากที่ยิงไป 3 ประตูจาก 4 เกมแรกของฤดูกาล 2011-2012 ดาวยิงหนุ่มโรงงานถูกดึงไปเล่นให้กับ ฟลีตวู้ด ทาวน์ สโมสรในคอนเฟอเรนซ์ พรีเมียร์ ก่อนจะทำผลงานได้อย่างสุดยอดหวดไป 34 ประตู จากการลงเล่น 42 เกม ซึ่งจากผลงานตรงนี้เองที่ไปเตะตาทีมงานแมวมองของ เลสเตอร์ ซิตี้ (Leicester City) ก่อนจะได้ร่วมงานกันด้วยค่าตัวสถิติลีก 1 ล้านปอนด์
โดยปีแรกในสีเสื้อ จิ้งจอกสยาม ดาวยิงรายนี้ทำผลงานได้ไม่ดีนักยิงได้เพียง 5 ประตูจากการลงสนาม 29 นัด แต่ตัวเลขดังกล่าวก็พัฒนาขึ้นในฤดูกาลต่อมา โดยยิงไป 16 ประตูจาก 41 เกม และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ เลสเตอร์ ซิตี้ หวนคืนสู่เวทีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี