สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ประกาศยืนยันว่า เจมี่ วาร์ดี้ กองหน้าระดับตำนานของสโมสร จะอำลาสโมสรในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังจากค้าแข้งกับทีมมานานถึง 13 ฤดูกาล และกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร
- เจมี่ วาร์ดี้ จะอำลาเลสเตอร์ ซิตี้ หลังจบฤดูกาล 2024/25
- กองหน้าระดับตำนานจะอำลาสโมสรหลังจากประสบความสำเร็จมากมายตลอด 13 ปี
- ปัจจุบัน วาร์ดี้ วัย 38 ปี กำลังเข้าใกล้การลงสนามครบ 500 นัดนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมในปี 2012
- การลงเล่นนัดสุดท้ายในถิ่น คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม
เจมี่ วาร์ดี้ วัย 38 ปี ย้ายมาจากสโมสรฟลีตวู้ด ทาวน์ ด้วยค่าตัว 1 ล้านปอนด์ในปี 2012 และคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, คอมมูนิตี้ ชิลด์ และแชมป์แชมเปี้ยนชิพ 2 สมัยในยุคทองของสโมสร
ด้วยสถิติลงสนามเกือบ 500 นัด และยิงไปเกือบ 200 ประตู ไม่มีนักเตะคนใดที่ประสบความสำเร็จกับสโมสรในช่วงเวลานี้ได้มากไปกว่าเขา และถือได้ว่า เจมี่ วาร์ดี้ เป็นหนึ่งในนักเตะที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในถิ่น ฟิลเบิร์ต เวย์ ในประวัติศาสตร์ 141 ปีของสโมสร
เกมสุดท้ายของ เจมี่ วาร์ดี้ ในสนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม นี้ โดยจะเป็นเกมพรีเมียร์ลีก นัดพบกับ อิปสวิช ทาวน์ ซึ่งจะเป็นโอกาสที่เขาจะได้อำลาแฟนบอลที่อยู่เคียงข้างกันมาตลอดเส้นทางนักฟุตบอล
จากนักเตะนอกลีกสู่หนึ่งในสุดยอดดาวยิงของพรีเมียร์ลีก
คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ กล่าวว่า “วาร์ดี้ คือคนที่พิเศษจริง ๆ เขาเป็นนักเตะที่ไม่เหมือนใคร และยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นคนที่พิเศษอย่างแท้จริง เขาอยู่ในใจของทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเลสเตอร์ ซิตี้ และแน่นอนว่าเขาได้รับความเคารพ และความรักจากผม ผมรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งสำหรับทุกสิ่งที่เขามอบให้กับสโมสรฟุตบอลแห่งนี้”
“แม้ว่าเส้นทางการเป็นนักเตะของ วาร์ดี้ จะสิ้นสุดลง แต่เขาและครอบครัวจะได้รับการต้อนรับกลับสู่คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม อย่างอบอุ่นเสมอในฐานะครอบครัวของเรา จากทุกคนที่เลสเตอร์ ซิตี้ ผมขออวยพรให้ วาร์ดี้ และครอบครัวพบเจอแต่สิ่งที่ดีที่สุดในอนาคต และผมมั่นใจว่าแฟนบอลของเราทุกคนจะร่วมกันมอบการอำลาที่เหมาะสมกับเขาในช่วงท้ายฤดูกาลนี้”
ด้าน วาร์ดี้ เองก็ได้ยืนยันข่าวการอำลานี้ผ่านข้อความส่วนตัวในช่องทาง ของเขาแล้วในวันนี้
เขาจะอำลาเลสเตอร์ ซิตี้ในฐานะดาวซัลโวสูงสุดอันดับสาม และผู้เล่นที่ลงสนามมากที่สุดเป็นอันดับสามในประวัติศาสตร์ของสโมสร และเป็นบุคคลสำคัญในทุกความสำเร็จของเรา ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่การอยู่รอดในพรีเมียร์ลีก อย่างปาฏิหาริย์ในฤดูกาล 2014/15 “เดอะ เกรท เอสเคป” ไปจนถึงการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสุดเหลือเชื่อด้วยอัตราต่อรอง 5000/1 ในฤดูกาลถัดมา ซึ่งถูกยกให้เป็นหนึ่งในความสำเร็จทางกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ซึ่ง วาร์ดี้ คือหัวใจความสำเร็จของทุกช่วงเวลานั้น
ฤดูกาลประวัติศาสตร์นั้นยังรวมถึงการทำสถิติยิงประตูในพรีเมียร์ลีก 11 นัดติดต่อกัน ซึ่งเป็นสถิติที่ยังไม่มีใครทำลายได้จนถึงทุกวันนี้ ทำให้ วาร์ดี้คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี ของพรีเมียร์ลีก รวมถึงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีจากสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอล (FWA)
หลังจากนั้น เขายังคงเดินหน้าทำประตูอย่างต่อเนื่องในรายการระดับยุโรป ทั้งยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และยูฟ่า ยูโรป้า ลีก พร้อมกับคว้ารางวัลดาวซัลโวรองเท้าทองคำพรีเมียร์ลีกด้วยผลงาน 23 ประตูในฤดูกาล 2019/20 อีกด้วย
นอกจากการคว้าแชมป์แชมเปี้ยนชิพ 2 สมัยกับเลสเตอร์ ซิตี้ โดยครั้งล่าสุดเขารับบทกัปตันทีม และเกิดขึ้นห่างจากครั้งแรกถึงหนึ่งทศวรรษ วาร์ดี้ยังมีบทบาทสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรเมื่อปี 2021
เจมี่ วาร์ดี้ ยังสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นนักเตะเพียงคนเดียวที่เคยลงเล่นในทุกรอบของการแข่งขันเอฟเอ คัพ ตั้งแต่รอบคัดเลือกไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ถึงความทุ่มเท มุ่งมั่น และพรสวรรค์ที่ทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในสุดยอดของวงการฟุตบอลอังกฤษ